ตัวอักษรข้างยางรถยนต์ สำคัญมากๆ อาจถึงแก่ชีวิต

ตัวอักษรข้างยางรถยนต์ สำคัญมากๆ อาจถึงแก่ชีวิต

ยางแล้วก็ล้อยนต์มีความสำคัญสำหรับการขับขี่รถยนต์อย่างมาก เช่น การบังคับแนวทางรถยนต์ หรือแม้กระทั้งการประยัดเชื้อเพลิง และก็การเติมลมยาง ให้เหมาะสมกับรถยนต์นั้น ควรจะดูที่เลขความดันลมยางข้างประตูที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ตั้งค่าแแรงดัน ลมยาง มาจากโรงงาน

แต่นั้นก็ไม่ใช่ค่าตัวเลขที่ตายตัวเนื่องจากว่าคนขับขี่รถยนต์หลายๆคนมีพฤติกรรมการขับขี่รถยนต์ที่ไม่เหมือนกัน

การเติมลมยาง สามารถเผื่ออ่อนเผื่อแข็งได้ แต่ว่าอย่าให้มากเกินไป ด้วยเหตุว่าจะส่งผลต่ออายุการใช้งานของยางได้

ข้อควรระวังหาก เติมลมยาง อ่อนจนเกินไป หากขับมาด้วยความเร็วรถจะมีอาการโยนตัวไม่นิ่ง ยิ่งเจอกับสภาพพื้นถนนที่ไม่เรียบจะยิ่งรู้สึกได้ ก็อาจจะเสี่ยงต่อการระเบิดของยางได้ เนื่องจาก แก้มยางจะบิดตัวจนเกิดความร้อน แรงดันในลมยางจะขยายตัว

หรือหากเติมลมยาง แข็งจนเกินไป อาจจะทำให้รถเกิดแรงสั่นสะเทือนตลอดเวลาขณะขับขี่ และหากตกหลุมขณะที่ขับมาด้วยความเร็วแรงกระแทก ก็เสี่ยงที่อาจจะทำให้ยางระเบิดได้เช่นกัน

การเติมแรงดันลมยาง ในปริมาณที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับประเภทของรถ, ขนาดยาง

และนอกจากนี้เรายังมีเกร็ดความรู้เกี่ยวกับยางมาฝากกันอีกด้วย รับรองว่ามีประโยชน์มากๆสำหรับคนใช้รถ

สำหรับการที่จะเปลี่ยนยางสักครั้งควรจะทำความเข้าใจว่า ยางแต่ละประเภทผลิตขึ้นมาเพื่อการใช้งานประเภทใด ซึ่งจะมีผลให้เราได้ของที่พวกเราต้องการมากที่สุด ตอบโจทการใช้งานพวกเรามากที่สุด และก็คุ้มเงินพวกเรามากที่สุด โดยยิ่งไปกว่านั้นยางมือสอง หรือแม้กระทั้งยางมือหนึ่งเองก็ตาม ไม่ควรสักแต่ว่าเปลี่ยน หรือเข้าร้านค้าแล้วให้ร้านค้าเลือกให้ พวกเราต้องมีความรู้สำหรับการเลือกใช้เอง

ค่าต่างๆที่สำคัญ ยางรถยนต์โดยปกติ รหัสบนแก้มยางรถยนต์จะชี้อะไรหลายๆอย่างพื้นฐานที่พวกเราสามารถรับทราบได้เป็นขนาด แล้วก็ วันผลิตยางซิ่ง ยางถนน ค่าต่างๆที่สำคัญกับยางรถยนต์ Code ยางรถยนต์ 185หมายถึงความกว้างของยาง มีหน่วยเป็นมิลลิเมตร75หมายถึงความสูงของแก้มยาง พอๆกับ 75% ของความกว้างยางRหมายถึงจำพวกของยาง ซึ่งขณะนี้ก็เป็นเรเดียลเกือบทั้งหมด14หมายถึงขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางล้อ หน่วยเป็นนิ้ว 82 พิกัดรับน้ำหนักบรรทุก s พิกัดอัตราความเร็ว

ความกว้างของยาง หมายคือความกว้างสูงสุดระหว่างแก้มซ้าย-แก้มขวา ความสูงของแก้มยาง โดยปกติพวกเราเรียกกันว่า “ซีรีย์” อย่างเช่น ซีรีย์ 60 สูง 60% ของความกว้างยาง เส้นผ่านศูนย์กลางของล้อ โดยธรรมดาพวกเราเรียกกันว่า “ขอบ” ดังเช่น ยางขอบ 15 ใส่กับล้อ ขอบ 15

พิกัดรับน้ำหนักบรรทุก กับ พิกัดอัตราความเร็ว ดูตามตารางข้างล่าง

Code วันผลิต

ตรงแก้มยางรถยนต์หาดูดีดี ยางโดยมากจะบอกไว้รหัส ตามภาพ>>> (4202) คือ ผลิตเมื่อ สัปดาห์ที่ 42 ของปี 2002 ตัวเลข คู่แรกเป็นสัปดาห์ที่ 42 คู่ข้างหลังเป็นปี 02

จุดสีเหลืองนี้ เรียกว่าจุด weight mark ซึ่งผู้ผลิตยางรถยนต์ จะทำเครื่องหมายด้วยการทาสีลงบนส่วนที่เบาที่สุดของยาง เพื่อช่างรู้ดีว่า ส่วนใดมีน้ำหนัดเบาที่สุด บนยางรถยนต์เส้นนี้ รวมทั้งควรจะใส่ยางโดยการเอาจุ๊บลม (ซึ่งมีน้ำหนักถ่วง) ให้ตรงกับจุดสีเหลืองนั้น เพื่อได้เกิดความสมมาตรมากที่สุด ในขณะที่ถ่วงล้อ

การสร้างยางรถยนต์แต่ละเส้น แต่ละล๊อตไม่มีทางเป็นไปได้ที่น้ำหนักยางจะคงเดิมเสมอกันทั้งปวง จุดสีเหลือง จึงเป็นเรื่องที่พวกเราควรจะรู้ และก็ ช่างก็ควรจะรู้ จะได้ไม่เปลืองตะกั่วถ่วงยางมากจนเกินไป แต่ว่าเมื่อใด ที่มองเห็นจุดสีแดงปรากฏอยู่บนแก้มยางรถยนต์ด้วย ให้ลืมจุดสีเหลืองไปได้เลย แล้วยึดจุดสีแดงแทนครับ

ความหมายของจำนวนและก็ตัวหนังสือบนแก้มยางรถกระบะ มีลักษณะดังต่อไปนี้ 195R14C 8PR คือ

195หมายถึงความกว้างยางรถยนต์ มีหน่วยเป็นมิลลิเมตร

Rเป็นองค์ประกอบยางแบบเรเดียล 14เป็นเส้นผ่านศูนย์กลางกระทะล้อ มีหน่วยเป็นนิ้ว

Cเป็นยางที่ใช้ในการขนส่ง (มาจากคำว่า commercial)

8PRหมายถึงอัตราชั้นผ้าใบเทียบเท่า 8 ชั้น (ในส่วนของซีรีส์ ถ้าเกิดไม่ได้ระบุเป็นซีรีส์ 80)

ความหมายของจำนวนและก็ตัวอักษรบนแก้มยางรถขับเคลื่อน 4 ล้อมีลักษณะดังต่อไปนี้

31×10.5R15

31หมายถึงเส้นผ่านศูนย์กลางยางรถยนต์ มีหน่วยเป็นนิ้ว

10.5เป็นความกว้างยาง มีหน่วยเป็นนิ้ว

Rเป็นองค์ประกอบยางแบบเรเดียล

15เป็นเส้นผ่านศูนย์กลางกระทะล้อ มีหน่วยเป็นนิ้ว

ดังเช่น 120/70-ZR17 58W

120หมายถึงความกว้างหน้ายาง 120 มม.

70เป็นความสูงแก้มยาง วัดเป็นเปอร์เซ็นต์ของความกว้างหน้ายาง ในแบบอย่างเป็น 70% ของ 120 นั่นเป็น ยางมีความสูง 84 มม.

Zหมายถึงตัวบอกว่าเป็นยางที่ใช้กับรถยนต์ความเร็วสูง

Rหมายถึงบอกประเภทของยาง ว่าเป็นยางเรเดียล ถ้าเกิดไม่มีตัวนี้มีความหมายว่าเป็นยาง Belt Bias

17เป็นขนาดขอบล้อ 17 นิ้ว

58หมายถึงเรทการรับน้ำหนักสูงสุดของยาง (Load Index) เท่ากันกับ 236 กก.

Wเป็นเรทความเร็วสูงสุดที่ยางรับได้ ซึ่งตัว W ซึ่งก็คือไม่เกิน 270 กม./ชม.

ถ้าเกิดมีคำว่า M/C อยู่โน่นจะเป็นตัวกล่าวว่ายางเส้นนี้ออกแบบมาให้ใช้กับรถจักรยานยนต์

ตอนนี้พวกเรามาดูกันเลยดีกว่า ว่าเจ้ารหัสตัว “W” หรือรหัสบอกความเร็วสูงสุดซึ่งสามารถรับได้ ที่อยู่ตัวหลังสุดมีอะไรกันบ้าง

B —– 50 km/h —– 31 mph

C —– 60 km/h —– 37 mph

D —– 65 km/h —– 40 mph

E —– 70 km/h —– 43 mph

F —– 80 km/h —– 50 mph

G —– 90 km/h —– 56 mph

J —– 100 km/h —– 62 MPH

K —– 110 km/h —– 68 MPH

L —– 120 km/h —– 75 MPH

M —– 130 km/h —– 81 MPH

N —– 140 km/h —– 87 MPH

P —– 150 km/h —– 93 MPH

Q —– 160 km/h —– 99 MPH

R —– 170 km/h —– 106 MPH

S —– 180 km/h —– 112 MPH

T —– 190 km/h —– 118 MPH

U —– 200 km/h —– 124 MPH

H —– 210 km/h —– 130 MPH

V —– 240 km/h —– 150 MPH

W —– 270 km/h —– 168 MPH

Y —– 300 km/h —– 186 MPH

Z —– over 240 km/h —– over 150 mph

ดังนั้นบอกเลยว่า สำหรับท่านใดที่มีรถนั้น เรื่องยางนั้นจะมองข้ามไปไม่ได้เลย เพราะมันสำคัญมากจริงๆ

ขอขอบคุณแหล่งที่ที่มาจาก : healthy108toyou.com