วัย 30 – 60 ก็มีความสุขได้ง่ายๆ แค่คุณปล่อยวาง 10 อย่างนี้
เราใช้ชีวิตไปกับการทำงานงกๆ จนหลงลืมไปว่า เราอายุมากขึ้นทุกวัน ยิ่งใครที่นานๆกลับบ้านต่างจังหวัดที จะรู้ได้เลยว่า ลูกๆหลานๆเด็กๆแถวบ้าน โตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันหมดแล้ว ทั้งที่เรายังรู้สึกว่า แป๊ปๆเอง ทำไมเวลาถึงได้ผ่านไปรวดเร็วเช่นนี้
1 เลิกแคร์ว่า คนอื่นในสังคมจะคิดถึงคุณอย่างไรหน้ากากและหัวโขนจะอยู่กับคุณอีกไม่ถึงสิบปีหัดที่จะปล่อยวาง และลดตัวตนของคุณลงบ้างกลับไปหาเพื่อนที่ดีและจริงใจกับคุณจริงๆออกห่างจากคนที่ไม่จริงใจกับคุณ หรือคนที่มาเพียงเพื่อจะเอาประโยชน์จากตัวคุณ หรือเอาเปรียบคุณ
2 ลดการทำงานหนักได้แล้ว ถ้าคุณเป็นมนุษย์เงินเดือนภาคเอกชน อายุ 50 ถ้ายังไม่ขึ้นเป็นระดับผู้บริหาร แสดงว่าคุณคงไม่อยู่สายตาเจ้านายเท่าไรอย่าเสียพลังชีวิตไปกับการทำงานหนักเลยใช้เวลาดูแลสุขภาพตัวเองให้มากขึ้นจะดีกว่า
ถ้าคุณขึ้นเป็นระดับผู้บริหารที่ต้องทำงานหนักเพื่อบริษัท ก็จัดสรรเวลาให้กับครอบครัว และสุขภาพตัวคุณเองบ้าง ถ้าคุณเป็นข้าราชการ คุณมีความมั่นคงและมีเวลาว่างพอสมควรแล้ว
ใช้เวลาดูแลสุขภาพและเตรียมงานอดิเรกหลังเกษียณได้เลย เช่นกันถ้าคุณทำงานอิสระ freelance คุณสามารถทดลองเกษียณล่วงหน้าได้เลย ถ้าคุณมีเงินพอตามข้อ 1 แล้ว ถ้าคุณเป็นเจ้าของกิจการ
คุณคงต้องเริ่มหาผู้ช่วยมือขวาที่ไว้ใจได้มาช่วยคุณบริหารงานได้ โดยคุณสามารถออกมาดูแลห่างๆได้ แต่อย่าหวังว่า ลูกของคุณจะรับภาระนี้ปล่อยให้เขาเลือกทางเดินชีวิตเองเถิด
3 หยุดการใช้จ่ายเงินอย่างฟุ่มเฟือยถ้าคุณเริ่มคิดเก็บเงินไว้ใช้หลังเกษียณ ดูเหมือนว่าค่อนข้างจะสายไปแล้วนะอายุเกิน 50 เท่าไร คุณควรมีเงินสะสม
ที่ใช้หลังเกษียณต่อปี บวกไปอีก 10 ปี เช่น อายุ 51 ควรมีเงินสะสม 10+1=11 ปี อายุ 52 ควรมีสะสม 12 ปี อายุ 60 ควรมีเงินสะสม 20 ปี นั่นเป็นตัวเลขโดยประมาณว่า คุณจะลาโลกตอนที่อายุ 80 ปี
4 หยุดลังเลเกี่ยวกับการทำงานและการหางานใหม่ เมื่ออายุย่างเข้าวัย 50 คุณควรจะมีงานที่มั่นคง และเป็นงานที่คุณรักจริงๆ ได้แล้วเพราะถ้างานนั่นไม่ใช่ตัวตนของคุณ
มันก็คงจะสายเกินไปที่จะไปเริ่มใหม่จงอดทนทำต่อไป เพราะคุณคุ้นชินกับมันแล้วถ้าจะหางานใหม่น่าจะเป็นงานที่คุณอยากทำหลังเกษียณมากกว่า
5 หยุดทำร้ายร่างกายของคุณ เช่น อดนอน อาหารขยะ กินโดยไม่ประมาณ, ขับรถเร็ว และหันกลับมาดูแลร่างกายด้วยการออกกำลังกาย หลายๆ คนคงจะผลัดวันและเลี่ยงการออกกำลังกาย
มาตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มสาวแล้วแต่เมื่ออายุเลขขึ้นห้า หมายความว่าร่างกายคุณกำลังจะร่วงโรยแล้วดังนั้นควรหันมาใส่ใจกับการออกกำลังกายจริงๆ เสียที
6 เลิกกังวลถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เช่น ถุงใต้ตา, ตีนกา, เหนียงที่คอ หรือรอยย่นทั้งหลาย ริ้วรอยเหล่านี้เป็นตัวบอกถึงประสบการณ์ ที่คุณผ่านร้อนผ่านหนาวมาคุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงความแก่ได้ จงภูมิใจกับมัน ยอมรับมัน และจงแก่อย่างสง่างาม
7 หยุดการเล่นอินเทอร์เน็ตที่มากเกินไป คุณควรเริ่มทำอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน และมีคุณค่าดีกว่าเสียเวลากับ Social Network
(ยกเว้นว่าคุณใช้ในการติดต่อเพื่อนฝูงเก่าๆ หรือหาข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์) การเล่น FB เล่น Line เล่นได้ แต่ต้องมีการจำกัดเวลา เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้คุณเสียเวลาและได้ประโยชน์น้อย สำหรับคนที่มีครอบครัว กลับมาดูแลคู่ชีวิตและลูกของคุณให้มากขึ้น
เขาเหล่านั้นเป็นคนที่หวังดีกับคุณเต็มร้อยโดยไม่มีเงื่อนไข สำหรับชายโสด ไม่ง่ายที่จะหาคู่ชีวิตที่รักตัวคุณ มากกว่ากระเป๋าสตางค์ของคุณ หาหมามาเลี้ยงยังง่ายกว่า สำหรับหญิงโสด คุณคงเคยชินกับชีวิตโสดแล้วและรู้ว่าอยู่คนเดียวสบายที่สุดแล้ว
9 หยุดนึกถึงความล้มเหลวในอดีตที่ผ่านมาเพราะการคิดถึงแต่เรื่องร้ายๆ ที่ผ่านมาจะทำให้ความสุขที่คุณควรจะได้รับในปัจจุบันหายไปคิดเสมือนว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของคุณ แต่ลงมือทำเสมือนว่าคุณยังมีอายุยืนยาวได้ถึงแปดสิบ
10 หยุดปิดกั้นจิตใจตัวเองที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ช่วงเวลาที่ผ่านมา คุณอาจจะพลาดอะไรหลายๆไป เพราะการปิดใจตัวเองไว้ เพียงแค่ลองเปิดใจและเรียนรู้คุณจะพบว่าโลกมันกว้างกว่าที่คุณคิด อายุเลขห้าไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ คบกับเด็กรุ่นใหม่บ้าง จะได้เข้าใจสังคมปัจจุบันมากขึ้นและลดปัญหาช่องว่างระหว่างวัย
source : rugyim.com
ขอขอบคุณที่มาจาก : share-si.com