ไม่อยากเสียตังโดยใช่เหตุ 9 สัญญาณไฟเตือนบนแผงหน้าปัด ที่ควรเช็คก่อนสตาร์ททุกครั้ง

ไม่อยากเสียตังโดยใช่เหตุ 9 สัญญาณไฟเตือนบนแผงหน้าปัด ที่ควรเช็คก่อนสตาร์ททุกครั้ง

การขับขี่รถยนต์ให้ปล อด ภั ยพวกเราควรต้องทำความเข้าใจเรื่องของสัญญาณไฟ ทั้งๆที่เป็นในส่วนของรถยนต์พวกเราเองและก็การอ่านสัญญาณไฟจากรถยนต์คันอื่น

เนื่องจากว่าจะช่วยทำให้พวกเราทราบดีว่าจังหวะสำหรับในการขับขี่รถของรถยนต์คันหน้าจะเป็นอ ย่ า ง ไร ทำให้พวกเราสามารถตั้งตัวได้ถูกในเรื่องที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน อ ย่ า งกระชั้นชิด

สัญญาณไฟนั้นแบ่งได้ทั้งหมด 4 ประเภท

สีแดง เป็นสีที่แสดงถึงความเร่งด่วน ให้รีบพิจารณาทันทีทันใด เป็นสัญญาณบอกให้หยุดใช้งานโดยทันทีเพื่อความปคนใช้รถยนต์ควรจะทราบไว้ 9 สัญญาณไฟเตือนบนแผงหน้าปัด ที่จำเป็นต้องเช็คก่อนเดินทางทุกครั้งล อ ด ภั ย

สีเขียว เป็นอุปกรณ์ที่อยู่ในสถานะกำลังใช้งานอยู่

สีเหลือง เป็นสีที่แสดงถึงการเตือนแต่ว่ายังคงสามารถใช้งานต่อไปได้อยู่ ควรจะตรวจดูเมื่อสามารถทำได้

สีน้ำเงิน หมายความว่าวัสดุอุปกรณ์นั้นๆกำลังใช้งานอยู่ โดยไม่ใช่ค่าตั้งต้นจากโรงงาน หรือคือการใช้งานที่ไม่ได้ใช้อยู่ทั่วไปเป็นปกติ

1 ไฟตัดหมอก(หน้า)

2 พวงมาลัยเพาเวอร์ทำงานไม่ปกติ

3 ไฟตัดหมอก(ข้างหลัง)

4 ระดับน้ำล้างกระจกเหลือน้อย

5 ผ้าเบรกมีปัญหา

6 ระบบควบคุมความเร็วให้คงที่

7 สัญญาณไฟเลี้ยว

8 ระบบตรวจจับฝนรวมทั้งแสงสว่าง มีปัญหา

9 ระบบความเย็น

10 ข้อมูลทั่วไป

11 แจ้งเตือนระบบเครื่องจักร(ดีเซล)

12 มีหิมะบนถนนหนทาง

13 แจ้งเตือนสวิตช์สตาร์ททำงานไม่ปกติ

14 แจ้งเตือนกุญแจรถยนต์ไม่อยู่ในรถยนต์

15 แบตเตอรี่กุญแจรถต่ำ

16 แจ้งเตือนระยะห่างกับรถยนต์อีกคันข้างหน้า

17 แรงดันน้ำมันคลัทช์

18 แรงดันน้ำมันเบรก

19 เตือนพวงมาลัยล็อกอยู่

20 ไฟสูง

21 เตือนความดันลมย างอ่อน

22 ไฟด้านข้างกำลังใช้งาน

23 สัญญาณไฟข้างนอกมีปัญหา

24 สัญญาณไฟเบรคมีปัญหา

25 แจ้งเตือนตัวกรองน้ำมันเครื่องยนต์ดีเซลมีปัญหา

26 เตือนการเ ชื่ อ มสายพ่วงรถยนต์

27 แจ้งเตือนระบบการป้องกันการสั่นสะเทือนมีปัญหา

28 รั ก ษ า ระยะห่าง

29 แจ้งเตือนการบำ บั ด ระบบไอเสียไม่ปกติ

30 แจ้งเตือนเข็มขัดนิ ร ภั ย

31 ระบบเบรกป้องกันรถไหลเมื่อจอดร ถ

32 พลังงานของแบตเตอรี่

33 ระบบหยุดอัตโนมัติ

34 ระบบเจ้งเตือนให้เช็คสภาพรถ

35 ระบบปรับไฟหน้าอัตโนมัติ

36 ระดับไฟหน้ารถยนต์

37 แจ้งเตือนสปอยเลอร์ด้านหลังไม่ปกติ

38 ระบบเปิดหลังคา

39 ระบบเตือนถุงนิรภัย

40 แจ้งเตือนเบรกมือ

41 แจ้งเตือนน้ำเข้าในถังสำหรับใส่น้ำมันเ ชื้ อเพลิง ให้รีบแก้ไข

42 ปิดใช้ระบบถุงลมนิ ร ภั ย

43 ควรตรวจสภาพรถ

44 ไฟขอทาง

45 แจ้งเตือนระบบกรองอากาศ

46 โหมดประหยัดพลังงาน

47 ระบบควบคุมรถขณะวิ่งลงเนิน

48 ระบบเตือนความร้อนหม้อน้ำ

49 ระบบเบรก ABS

50 แจ้งเตือนตัวกรองน้ำมันเ ชื้ อเพลิงอุดตัน

51 แจ้งเตือนประตูรถเปิดอยู่

52 แจ้งเตือนฝากระโปรงหน้าเปิดอยู่

53 แจ้งเตือนน้ำมันเชื้อเพลิง

54 แจ้งเตือนระบบเกียร์อัตโนมัติ

55 แจ้งเตือนการจำกัดความเร็วรถทำงาน

56 ระบบกันสะเทือนมีปัญหา

57 แจ้งเตือนความดันน้ำมันเครื่องต่ำ

58 แจ้งระบบไล่ฝ้าที่กระจกกำลังทำงาน

59 แจ้งเตือนกระโปรงหลังเปิดอยู่

60 ระบบควบคุมการทรงตัวของรถยนต์

61 แจ้งเซ็นเซอร์ระบบน้ำฝนทำงาน

62 แจ้งเตือนเครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ

63 แจ้งเตือนระบบไล่ฝ้าข้างหลังทำงานอยู่

64 ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติทำงานอยู่

65 แจ้งสัญญาณไฟหน้าปัดรถทำงานอยู่

6 เครื่องหมายเตือนที่แสดงถึงอั น ต ร า ย

1 สัญลักษณ์ ต ก ใ จ

เป็นไฟเครื่องหมายที่แสดงเพื่อพูดว่า เบรกมือถูกใส่อยู่ ถ้าเกิดมีการเขยื้อนรถยนต์ในตอนที่ใส่เบรคมือจะมีเสียงเตือนเพื่อคนขับขี่ปลดเบรคมือลงก่อน แม้ ปลดเบรคมือแล้วไฟยังไม่หายไปหมายความว่าระบบเบรคอาจมีปัญหา

2 ไฟรูปเครื่องยนต์กลไก

ไฟนี้จะโชว์ขึ้นเมื่อเครื่องยนต์ดำเนินการอยู่โดยเป็นไฟที่แสดงถึงปัญหาด้านระบบเครื่อง เพื่อแจ้งเตือนให้คนขับขี่ลดความเร็วรถยนต์ลง โดยแม้มีไฟนี้ขึ้นอยู่กับจะไม่อาจจะใข้รอบเครื่องยนต์สูงได้ เพื่อคุ้มครองป้องกันการเกิดความเสียหายต่อเครื่องยนต์ ถ้าไฟนี้โชว์ขึ้นให้ค่อยๆประคองรถยนต์เข้าศูนย์เพื่อตรวจเช็คความผิดปกติในทันที

3 ไฟรูปแบตเตอรี่

ถ้าหากไฟนี้แสดงขึ้นแปลว่าแบตเตอรี่ไม่มีไฟหรือไฟไม่เข้า ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะรูปแบบการทำงานของระบบประจุไฟหรือระบบชาร์จมีปัญหา โดยให้พวกเราปิดเครื่องมือต่างๆในรถยนต์ที่ใช้กระแสไฟฟ้าแล้วก็หาที่จอดรถที่ปลอดภัยหยุดแล้วก็ปิดเครื่องยนต์โดยทันที แล้วโทรแจ้งศูนย์หรือเจ้าหน้าที่ประกันเพื่อนำรถยนต์ไปตรวจเช็คหาต้นเหตุ

4 ไฟรูปเครื่องวัดอุณหภูมิ

ไฟแจ้งเตือนนี้เป็นมาตรวัดที่แสดงถึงความร้อนของเครื่องยนต์ ถ้าไฟนี้ติดขึ้นมามีความหมายว่าเครื่องยนต์มีปัญหาอาจเป็นเพราะเนื่องจากความร้อนผิดปกติ ซึ่งบางทีอาจทำความเสียหายให้กับเครื่องยนต์ได้ ถ้าเกิดขับอยู่แล้วพบเรื่องนี้ให้หาที่จอดรถรวมทั้งปิดเครื่องโดยทันที จะช่วยลดความร้อนด้านในเครื่องได้แล้วจึงติดต่อให้ย้ า ยรถยนต์ไปเพื่อตรวจสอบ

5 ABS

ไฟสัญญาณเตือนนี้บางทีอาจแสดงได้ถึง 2 กรณีเป็น มีการเบรคฉับพลัน กระทั่งระบบ ABS ทำงานเพื่อป้องกันล้อล็อก ไฟจะดับลงเมื่อพวกเราปล่อยเบรค หรืออีกหนึ่งกรณีเป็นไฟค้างซึ่งหมายความว่าระบบเบรคมีปัญหา ด้วยเหตุว่าระบบ ABS ไม่ทำงาน แต่ว่าการใช้แรงงานเบรคยังสามารถดำเนินการได้อยู่ ให้พวกเราค่อยๆประคองรถยนต์ไปเรื่อยโดยใช้ความเร็วต่ำ แล้วทำการแก้ไขทันที

6 กาน้ำมันเครื่อง

เมื่อไฟรูปกาใส่น้ำมันติด แปลว่าน้ำมันเครื่องไม่สามารถที่จะเวียนเข้าไปทำงานในระบบได้ โดยอาจเป็นเพราะปัญหาซีลรั่ว น้ำมันเครื่องทะลุทำให้ความดันระบบลดน้อยลง สิ่งที่ควรจะทำเป็นให้พิจารณามาตรวัดความร้อน แม้ความร้อนไม่ขึ้นสูงมากก็ให้หาที่จอดรถ ปิดเครื่องแล้วพิจารณาว่ารอยรั่วนั้นมีสาเหตุจากจุดไหน แม้ไม่เจอแปลว่าอาจจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะฝาสูบแตก จนกระทั่งมีการรั่วของน้ำมันในห้อง เ ผ าไ ห ม้

การขับขี่รถยนต์ให้ดีรวมทั้งป ล อ ด ภั ยอีกทั้งต่อตัวคนขับเพื่อนร่วมทางและก็ไม่เป็นอันตรายกับเครื่องยนต์นั้น พวกเราจำต้องหมั่นสังเกตไฟสัญญาณเตือนต่างๆกลุ่มนี้ให้ดีว่าเป็นการเจ้งเตือนเกี่ยวกับรถยนต์ในจุดไหน เพื่อจะได้กระทำปรับแก้ได้อ ย่ า งทันทีทันควัน ไม่เกิดความเสียหายให้กับรถยนต์ของพวกเราซึ่งบางทีอาจหมายความว่ารายจ่ายที่อาจตามมาได้

ขอขอบคุณแหล่งที่มาจาก : krustory.com