อย่าลืมตรวจก่อนจะสตาร์ท สิ่งนี้คนส่วนใหญ่มองข้าม กว่าจะรู้ตัวก็สายไปแล้ว
อุปกรณ์ของรถยนต์ที่ควรจะหมั่นตรวจเช็ก ลดเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายรุนแรงได้ หมั่นสังเกตรวมทั้งตรวจสอบอาการผิดปกติของอุปกรณ์ประจำรถยนต์ ช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ประจำรถยนต์ แล้วก็ลดการเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุที่มีเหตุที่เกิดจากความบกพร่องของอุปกรณ์
ยางรถยนต์สำคัญมากๆ
1 บริเวณกลางล้อสึกหรอมากกว่าขอบยาง มีความหมายว่า เติมลมยางมากเกินไป
2 ดอกยางขอบล้อสึกมากกว่าตรงกลาง มีความหมายว่า เติมลมยางน้อยเกินไป
3 ดอกยางสึกข้างใดข้างหนึ่ง มีความหมายว่า มุมแนวตั้งของยางไม่ตรง
4 ดอกยางเป็นบั้งๆแปลว่า แนวของยางไม่ขนานกับแนวการเคลื่อนตัวของรถ
5 ยางหน้าหรือยางหลังสึกเร็วกว่าปกติ หมายความว่า เกิดขึ้นจากการบรรทุกน้ำหนักมากเกินไป
พวงมาลัยรถยนต์นั้นจะละเลยในความผิดปกติมิได้เลย
บังคับทิศทางได้ยาก โดยยิ่งไปกว่านั้นขณะเลี้ยวต้องใช้แรงมากกว่าปกติ พวงมาลัยหลวม และก็มีลักษณะอาการสั่นตอนที่ขับ ถ้าพวงมาลัยชำรุด จะก่อให้อุปกรณ์อื่น ๆมีปัญหาตามไปด้วย เช่น ยางเฟืองท้าย
น้ำมันเครื่องสิ่งที่จำเป็นมากมายๆห้ามละเลยที่จะตรวจเช็ค
ดึงก้านน้ำมันเครื่องออกมาในเวลาที่เครื่องยนต์ทำงานจนถึงอุณหภูมิปกติแล้วดับสักครู่ (1-5 นาที) แล้วหลังจากนั้นเช็ดทำความสะอาดปลายก้านที่มีน้ำมันเครื่องติดออกมา แล้วใส่กลับเข้าไปที่เดิมอีกครั้ง ปล่อยไว้ชั่วประเดี๋ยวแล้วดึงออกมาวัดระดับที่ได้ ว่ามีน้ำมันเครื่องคงเหลือจำนวนเท่าไร โดยมองได้จากเกจวัดระดับ รวมทั้งที่ดีที่สุดเป็นระดับน้ำมันเครื่องจำต้องอยู่ในจุด F หรือ FULL นั่นเอง (อย่าทำให้น้ำมันเครื่องแห้งเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นเครื่องยนต์พังแน่ๆ)
น้ำมันเบรก หลังจากที่ใช้รถไปนานๆหลายๆคนมักลืมเช็ค
มีจุดให้สังเกตระหว่าง Min กับ Max ถ้าเกิดในระดับปกติจำเป็นต้องไม่เกิน Max และไม่ต่ำยิ่งกว่า Min แต่ว่าถ้าหากว่ามีความรู้สึกว่าน้ำมันเบรกพร่องหายเยอะเกินปกติ ควรจะรีบหาสิ่งผิดปกติทันที หรือนำไปให้ช่างที่มีความชำนาญตรวจเช็กและแก้ไข
น้ำในถังฉีดกระจก บางคนมักละเลย
บางครั้งก็อาจจะดูไม่ค่อยสำคัญมากแค่ไหน แม้กระนั้นเมื่อถึงเวลาจำต้องใช้จริงๆมีไว้ก็ดีกว่าจะใช้แล้วไม่มี โดยเหตุนี้ควรจะเช็กบ้างว่ามันยังมีเหลือหรือเปล่า เนื่องจากใช้เพียงน้ำเปล่าปกติเท่านั้น
เครื่องหมายไฟแสดงหน้าจอรถยนต์
มีไฟรูปเครื่องหมายใดค้างบนหน้าปัด แปลว่า เกิดความผิดปกติกับเครื่องมือที่แสดงสัญลักษณ์ดังกล่าว ไฟเครื่องหมายไม่สว่างหรือไม่ดับ อาจเกิดขึ้นเนื่องจาก ไดชาร์จทำงานผิดปกติ หรือระบบไฟฟ้าขัดข้อง ครั้งใดก็ตามสตาร์ทเครื่องยนต์จะมีสัญลักษณ์ไฟแสดงสถานะปรากฏบนแผงหน้าปัด เมื่อสตาร์ทรถติดแล้วสัญญาณไฟสัญลักษณ์ต่างๆจะต้องดับลง
สัญญาณไฟ และก็ไฟส่องสว่างต่างๆ
เช็กดูให้หมด อีกทั้งไฟหน้าสูง-ต่ำ ไฟท้าย ไฟเลี้ยว ไฟเบรก ไฟถอยหลัง ไฟรีบด่วน ฯลฯ ว่ามีตรงไหนติด-ดับบ้าง หากมีก็จัดการนำหลอดใหม่เปลี่ยนเข้าไปแทนที่ได้เลย
ถือเป็นข้อมูลความรู้เบื้องต้นให้แก่คนที่ยังไม่มีประสบการณ์ด้านรถยนต์ ทั้งยังช่วยเสริมให้คนที่รู้และเข้าใจดีแล้วได้เข้าใจมากขึ้น แล้วก็ถ้าหากข้อไหนที่เช็กแล้วมีปัญหา ไม่สามารถแก้ไขด้วยตัวเองได้ แนะนำให้เข้าศูนย์บริการ หรืออู่ซ่อมแซมในทันที ด้วยเหตุว่าถ้าเกิดทำเองแล้วบกพร่องจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้