วิธีซักผ้าเช็ดตัวกลิ่นอับ หอมเร็วมาก แม่บ้านเก็บเอาไว้ทำเลย
ช่วงเวลาที่ดีของใครหลายๆคน หลังจากเลิกงาน เล่นกีฬาเสร็จ เลิกเรียน หรือเสร็จจากกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละวัน อย่างนึงที่สำคัญเลยก็คือช่วงเวลาที่ได้อาบน้ำ สดชื่น ได้เช็ดตัวกับผ้าขนหนูผ้าเช็ดตัวที่สะอาดๆนุ่มและหอม พอใส่เสื้อผ้าแล้ว ได้ล้มตัวลงนอนในหมอนนุ่มๆ ที่นอนนุ่มๆ ผ้าปูที่นอนหอมๆ มันคงเป็นอะไรที่ผ่อนคลายเอามากๆ หลังเหน็ดเหนื่อยกับการออกไปทำงาน ไปเรียน ไปทำกิจกรรมต่างๆกลับมา ด้วยร่างกายที่เพลียและอ่อนล้า
วิธีซักผ้าขนหนูให้หอมนุ่มน่าใช้
อุปกรณ์ที่จะต้องใช้ก็มี น้ำยาซักผ้า แล้วก็ เบกกิ้งโซดา 1 ถ้วยตวง แล้วก็ของใกล้ตัวอย่าง น้ำส้มสายชู 1 ถ้วยตวง และก็สุดท้ายเป็น น้ำยาปรับผ้านุ่ม
ขั้นตอนมีดังต่อไปนี้
1 จัดเตรียมซักผ้าขนหนูตามปกติ แต่ว่าภายหลังจากเทน้ำยาซักผ้าให้เทเบกกิ้งโซดาลงไปก่อนที่จะใส่ผ้าขนหนูลงเครื่อง เบกกิ้งโซดาจะช่วยทำให้ผ้าขนหนูหอมสะอาด แถมนุ่มขึ้นด้วย แล้วก็เมื่อถึง ขั้นตอนที่จำเป็นต้องใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มลงไป ให้ท่านเปลี่ยนมาใส่น้ำส้มสายชูที่ตระเตรียมไว้แทน เชื่อไหมคะว่าน้ำส้มสายชูจะช่วยปรับให้ผ้าขนหนูนุ่มนิ่มแล้วก็หอมสะอาดสุดๆเลยล่ะ
2 เมื่อผ้าขนหนูอยู่ในระหว่างทิ้งน้ำและก็กำลังจะปั่นแห้ง ให้หยุดโปรแกรมเครื่องซักผ้าแล้วจับปลายผ้าขนหนูรวมทั้งสลัดผ้าขนหนูแรงๆหลายๆที เนื้อผ้าขนหนูจะพองฟูขึ้น แล้วใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มลงไป เดินเครื่องให้ทำงานตามปกตติ แล้วก็ในที่สุดอย่าลืม ก่อนตากผ้าขนหนูให้สลัดผ้าขนหนูแรงๆอีกที แล้วแขวนตากตามสะดวกจนถึงผ้าขนหนูแห้งสนิท
การซักผ้าขนหนู ให้ไม่แห้งแข็งกระด้าง อยากให้ผ้าขนหนูคงความนิ่มไปนานๆ
นำไปผึ่งแดดอ่อนและไม่จำเป็นต้องรอให้แห้งสนิท การตากผ้าขนหนูก็ช่วยรักษาตวามนุ่มของผ้าขนหนูได้เช่นเดียวกัน แนวทางง่ายๆเป็น อย่าตากผ้าขนหนูท่ามกลางแดดจัดรวมทั้งอย่าตากโดยใช้เวลานานให้ผ้าเช็ดตัวแห้งสนิท ด้วยเหตุว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เส้นใยของผ้าขนหนูเสีย และก็ผ้าขนหนูก็จะแห้งแข็งไม่น่าใช้
ผ้าเช็ดตัวนั้นถ้าเกิดเป็นไปได้ควรซักหลังจากที่ใช้ไปแล้ว 6 ครั้ง
น้อยคนที่จะซักผ้าเช็ดตัวทุกวี่วัน แม้กระนั้นบางคนก็ใช้ผ้าขนหนูผืนเดิมๆเป็นต้นตย์หรือหลายอาทิตย์กว่าจะโยนเข้าเครื่องซัก ซึ่งหากเป็นได้ก็ควรที่จะใช้ผ้าขนหนูผืนเดิมซ้ำเพียงแค่ 6 ครั้งก็เกินพอแล้ว เนื่องจากว่าในการใช้แต่ละครั้งผ้าที่เอาไว้สำหรับเช็ดตัวจะจับเอาเซลล์ผิวที่ตายแล้วตามร่างกาย รวมทั้งแบคทีเรียที่อาศัยอยู่บนผิวหนังไปสะสมไว้ ฉะนั้นหากไม่ต้องการให้แบคทีเรียที่ยุ่บยั่บบนผ้าที่เอาไว้เช็ดตัว กลับมาเกาะบนผิวหนังของพวกเราอีกครั้ง ก็โยนผ้าเช็ดตัวลงเครื่องซักผ้าเสียจะดีกว่า จะได้มีผ้าเช็ดตัวหอมๆนุ่มๆเช็ดตัวสะอาดๆทุกวัน
แล้วควรจะซักบ่อยมากมากแค่ไหนเป็นเรื่องที่หลายๆคนคงอยากรู้
ผ้าปูที่นอนนั้นถ้าหากมีเวลาควรจะซักทุกสัปดาห์
ผ้าปูที่นอนควรจะซักอาทิตย์ละครั้ง เนื่องจากว่าอาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีคราบน้ำ เหงื่อ และก็มีอะไรที่สกปรกอื่นๆที่ไม่เห็นซ่อนอยู่ ทั้งยังร่างกายมนุษย์เรายังมีการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วเสมอๆทุกคืน ก็เลยนับว่าเป็นแหล่งอาหารชั้นเลิศของตัวไรฝุ่นละออง แถมยังก่อให้เกิดผลกระทบเยอะขึ้นกับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ ด้วยเหตุผลดังกล่าวพวกเราก็เลยจำเป็นต้องซักที่นอนทุกๆอาทิตย์ โดยให้ใช้น้ำร้อนอย่างต่ำ 60 องศาเซลเซียส ผึ่งแดดโดยตรง รวมทั้งรีดก่อนใช้ ก็สามารถที่จะช่วยให้ผ้าสะอาด แถมยังช่วยฆ่าแบคทีเรียรวมทั้งจุลินทรีย์ได้อีกด้วย
ฟูกที่นอนนั้นหากเป็นได้ควรจะทำความสะอาดทุก 6 เดือน
นอกจากซักผ้าปูที่นอนแล้ว อย่าลืมซักหรือทำความสะอาดฟูกที่นอนด้วย เพื่อสุขลักษณะที่ดี ควรจะทำบ่อยเป็นประจำทุก 6 เดือน โดยกรรมวิธีการง่ายๆเพียงแค่ดูดฝุ่นละอองออก แต่ว่าถ้าเกิดผู้ใดต้องการกำจัดขจัดกลิ่นและก็ซักคราบเปื้อนเลอะเทอะซึ่งมีความสกปรกด้วย ก็ให้โรยเบกกิ้งโซดาบนที่นอน แล้วปล่อยทิ้งเอาไว้ 1 ชั่วโมง ก่อนนำเครื่องดูดฝุ่นมาดูดออก เท่านี้เบาะที่พักผ่อนก็กลับมามีความสะอาดเหมือนเดิมแล้ว
ปลอกหมอนนั้นควรจะซักทุกอาทิตย์
ปลอกหมอนก็เหมือนกับผ้าที่เอาไว้ปูที่นอน เพราะว่าเป็นด่านแรกที่ช่วยป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรก เชื้อโรค แล้วก็เชื้อแบคทีเรียต่างๆค้างแล้วก็สะสมอยู่บนหมอน ดังนั้นจะต้องถอดมาซักเสมอๆทุกอาทิตย์ จำง่ายๆว่าทำพร้อมกับผ้าปูที่นอนเลย
เอาลืมใส่ใจความเป็นอยู่ของตัวเอง ด้วยการไม่ละเลยใส่ใจความสะอาดของใช้ ที่เราใช้เช็ดตัวทุกวัน ปลอกหมอนที่เราเอาหน้าซบนอนใช้หัวหนุนในทุกคืน ผ้าปูที่นอนที่เรานอนกลิ้งเล่นไปมาทุกวัน ถ้าของทุกอย่างในห้องในบ้านเราสะอาดสะอ้าน ก็น่าใช้ น่าเช็ด ไม่ทำให้ผิวเราเกิดการระคายเคืองหรือมีกลิ่นไม่พึงประสงค์จาการที่ละลเยทำความสะอาด จนเกิดการหมักหมมของกลิ่นมาเนิ่นนานอีกด้วย