วิธีล้างเครื่องซักผ้าฝาบน ทำได้ไม่ง้อช่าง ผ้าไม่มีกลิ่นอับ ป้องกันคราบติดเสื้อผ้าหลังซัก
เป็นกันมั้ย ผ้าก็เพิ่งซักเสร็จ ตากแล้ว แห้งแล้ว แต่พอเอามาใส่ เอามาหอม กลับมีกลิ่นอับกลิ่นฉุนแรงมาก ซึ่งหนึ่งในสาเหตุและปัญหาเรื่องผ้า ก็มาจากเจ้าเครื่องซักผ้าที่เราใช้ปั่นเช้าปั่นเย็นนี่แหละ เพราะเราใช้ปั่นแทบจะทุกวัน โดยไม่เคยทำความสะอาดถังซักผ้ากันเลย ยิ่งบางคนนี่ ถ้าเครื่องไม่เสียไม่ซ่อม ก็จะใช้ไปเรื่อยๆ
นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องผ้าที่ซักมีคร าบเศษสิ่งส กปร กติดมาด้วยหลังซักเสร็จ บางทีผ้าก็มีกลิ่ นอับ ซักยังไงก็ไม่หอ มสักที ซึ่งปั ญห านี้อาจส่งผลถึงขั้นที่เมื่อนำเสื้อผ้ามาส วมใส่แล้วเกิดผ ดผื่ นคันได้เลย ฉะนั้นแล้วการทำความสะอาดเครื่องซักผ้าจึงเป็นเรื่องสำคั ญ โดยวันนี้เรามีเท คนิ คการล้างถังซักมาฝ ากทุกคนกัน ทำเองได้ง่ ายๆ สะอาดจนไม่หล งเหลือสิ่งต กค้ างเลยล่ะ
ล้างถังซักผ้าด้วยน้ำส้มสายชูเพี ยงขวดเดียว
การจะล้างถังซักผ้านั้นไม่ย ากเลย แค่มีน้ำส้มสายชูสักขวดก็สามารถทำความสะอาดคร าบได้อย่างหม ดจดแล้ว วิธีนี้สามารถใช้ได้ทั้งเครื่ องซักผ้าฝาหน้า ฝาบนและแบบสองถังเลย โดยนำน้ำส้มสายชูปริมาณ 200 มิลลิลิตร มาเทใส่ลงในช่องใส่น้ำย าซักผ้าแล้วกดเปิดให้ถังซักทำง านตามปกติได้เลย หากเลือ กอุ ณห ภูมิน้ำได้หรือตั้งโหมดที่สามารถแช่น้ำทิ้งไว้ได้แน ะนำว่าให้ใช้น้ำที่มีอุณหภูมิสู งหน่อยหรือน้ำอุ่น เพื่อกำจั ดเชื้ อโ ร คได้ดี และแช่ทิ้งไว้สักประมาณ 2-3 ชั่วโมง จะยิ่งขจัดคร าบสิ่งส กปร กที่ตกค้ างได้อย่ างหมดจด อีกทั้งยังช่วยลดกลิ่ นอั บในถังซักได้ด้วย ทั้งนี้เมื่อล้างถังซักกับน้ำส้มสายชูเสร็จแล้ว ให้ล้างถังเปล่าเพิ่มอีกสัก 1-2 รอบเพื่อขจัดกลิ่นน้ำส้มสายชู
ใช้โป รแก รมล้างถังซักทุกๆ 2 เดือน
หลายคนเลือกที่จะซักผ้าอย่ างเดียวโดยลืมส นใจการทำความสะอาดถังซักไปเลย เครื่ องซักผ้าเดี๋ยวนี้มักจะมีโห มดล้างถังซักมาให้ ซึ่งเราควรจะทำความสะอาด 2 เดือนต่อครั้ง หากบ้านไหนซักผ้าบ่อยแทบทุกวัน อาจจะล้างทุกเดือนเลยก็ได้ การที่เราล้างถังซักจะช่วยลดสิ่งส กปร ก ลดเชื้ อโร คและแ บ คทีเ รี ย ป้ องกั นผ้าเหม็ นอั บหลังซักได้ดี อีกทั้งการที่เราดูแ ลหมั่นล้างถังซักให้สะอาดอยู่เสมอจะช่วยให้เครื่องซักผ้านั้นสามารถใช้ง านได้น านขึ้นอีกด้วย
อย่าลืมล้างทำความสะอาดช่องใส่น้ำย าซักผ้าและน้ำย าปรับผ้านุ่มด้วย
ในช่องบริเวณที่ใส่น้ำย าซักผ้าและน้ำย าปรับผ้านุ่มหลายคนมักจะล ะเ ลยในการทำความสะอาด ทั้งนี้หากปล่อยทิ้งไว้อาจเกิดครา บเหนี ย วจนอุ ดตั นได้ ทำให้การซักผ้าในทุกๆครั้งน้ำย าซักผ้าที่เราใส่ลงไป ไม่สามารถไหลลงไปในถังซักได้อย่ างเต็มที่ ไม่ใช่แค่นั้นหากเราปล่อยทิ้งไว้น านเกินอาจทำให้เกิดเ ชื้ อร าขึ้นได้ด้วย ฉะนั้นทางที่ดีควรถ อดถาดที่ใส่น้ำย าซักผ้าและน้ำย าปรับผ้านุ่มออกมาล้างให้สะอาด โดยอาจจะใช้แปรงสีฟันเก่ าที่ขนนุ่มๆมาขัดเบาๆบริเวณที่มีคร าบเก าะ จากนั้นก็นำไปผึ่งให้แ ห้งแล้วค่อยเก็บใส่เข้าที่เดิมก็เป็นอันเรียบร้อย
ขจัดคร าบสิ่งส กปร กบริเวณซี ลหรือย างขอบฝาถังซักผ้าใช้ได้ทั้งเครื่องฝาบนฝาหน้า
บริเวณซี ลหรือที่เรียกว่าขอบย างฝาเครื่ องซักผ้าเมื่อเราใช้ปั่นผ้าไปน านๆ จะสังเกตเห็นว่ามีคร าบสีน้ำตาลมาเกาะขอบย างอยู่ นั้นเกิดจากสิ่งส กปร กของผ้ามาเก าะติด รวมถึงคร าบความมั น ครา บผ งซักฟอ กด้วย ไม่แค่นั้นการที่เราปิดฝาถังซักผ้าหลังจากที่ซักผ้าเสร็จ โดยที่ถังนั้นยังไม่แ ห้งดีอาจทำให้เกิดเชื้ อร าบริเวณขอบย างถังซัก สิ่งสกปรกเหล่านี้ที่สะส มจึงเป็นต้นเ หตุให้ผ้าที่เราซักนั้นไม่สะอาดดี และมีกลิ่ นอับ
ซึ่งการจะทำความสะอาดนั้นก็ไม่ได้ยุ่ งย ากอะไร เพี ยงนำผ้าชุบน้ำหม าดๆหรือแปรงสีฟันเก่ าขนนุ่มมาขัดเช็ดบริเวณขอบย างแค่นี้ก็เรียบร้อย แต่ทั้งนี้เราอาจใส่น้ำย าสำหรับทำความสะอาดหรือน้ำย าฆ่ าเ ชื้ อโ ร คในการเช็ดเพิ่มด้วยก็ยิ่งดี แต่ก็ควรร ะวั งอย่ าใช้น้ำย ากรั ดก ร่ อนที่แ รงเกินไป เพราะอาจทำซี ลหรือย างเสี ยหา ยได้นั้นเอง
ข้อแน ะนำสำหรับการใช้ถังซักผ้า เพื่อให้ผ้าที่ซักสะอาดและไร้กลิ่ นอั บ
หลังการซักผ้าเสร็จเรียบร้อย ควรจะเปิดฝาถังซักทิ้งไว้ก่อนสักประมาณ 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้ถังซักมีอาก าศถ่ ายเทจนแ ห้งสนิทดี ป้อ งกั นการเกิดเชื้ อร าและกลิ่ นอั บ ที่นี้การซักผ้าในครั้งถัดๆไปจะช่วยลดก ลิ่นอั บและสิ่งส กปร กในผ้าได้ดีเลยล่ะ
ควรแ ยกสีผ้าก่อนนำไปซักผ้าทุกครั้ง เพื่อป้ องกั นผ้าสีตกและผ้าหม อง
ข้อสำคั ญในการซักผ้าเลยคือการแ ยกสีผ้าทุกครั้งก่อนนำเข้าเครื่ องซักผ้า โดยแ ยกผ้าข าวออ กจากผ้าสี และต้องแ ยกผ้าสีอ่ อนออกจากผ้าสีเ ข้มด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ก็เพื่อป้ องกั นการเกิดปั ญห าผ้าสีตกหรือผ้าสีหม องที่จะตามมานั้นเอง
ไม่ควรซักผ้าในแต่ละครั้งมากจนเกินไป
ในแต่ละครั้งที่มีการซักผ้า ไม่ควรยั ดผ้าเข้าถังซักจนแ น่นเกินไป เพราะเวลาที่เครื่ องปั่นผ้าทำง าน ผ้าควรได้ขยั บอย่ างอิ สร ะเพื่อให้น้ำย าซักผ้าได้ทำปร ะสิ ทธิภ าพในการขจัดคร าบสิ่งส กปร กบนตัวผ้าได้อย่ างทั่วถึง หากเรายั ดผ้าจนแ น่นถังเกินไปอาจทำให้ผ้าไม่ได้รับน้ำย าซักผ้าและน้ำย าปรับผ้านุ่มได้อย่างทั่วถึง และบางทีคร าบน้ำย าเหล่านั้นอาจหลุดออ กไม่หมดหลังจากซักผ้าเสร็จอีกด้วย
หากคุณพอมีเวลาว่างหรือวันนี้เป็นวันหยุดสักหนึ่งวันล องสังเกตเครื่ องซักผ้าที่บ้านของคุณดูว่าสะอาดดีอยู่หรือไม่ และหากคุณไม่ได้ล้างเครื่องซักผ้ามาน านหลายเดือนแล้ว ก็แบ่งเวลาว่างมาสักนิดเพื่อนำวิธีทำความสะอาดข้ างต้นไปล องใช้กันดู เพื่อขจัดคร าบสิ่งส กปร กและในการซักผ้าครั้งถัดไปจะได้ลดกลิ่ นอับได้ด้วย แน ะนำว่าอย่ างน้ อยๆก็ควรล้างเครื่ องซักผ้าทุกๆ 3 เดือนครั้งนะคะ หากบ้านไหนซักผ้าบ่อยก็ 1-2 เดือนล้างทีก็จะดีเลย