คนเหล่านี้ ไม่กี่ปีข้างหน้า อาจไม่มีงานให้ทำแล้ว
สมัยนี้โลกเรามันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จนบางทีเราก็ไม่ทันได้ตั้งตัว อย่าลืมว่าเวลามันมีแต่เดินหน้า ไม่มีหยุด หรือถอยหลัง โดยเหตุนี้มนุษย์อย่างเราก็จำเป็นต้องปรับตัวตามให้ทัน ถ้าหากไม่อย ากตกงานในอนาคต ซึ่งนิสัยคน 5 ประเภทที่อาจตกงานในอนาคตมีดังนี้
1 คนที่มองอะไรแค่ร ะ ย ะสั้น ไม่มองอนาคตย าวๆ
ยกตัวอย่าง พนักงานฝึกงาน 2 คน นายดำ และนายแดง ได้เข้าไปทำงานในบริษัทแห่งหนึ่งหลังเรียนจบ โดยทางบริษัทได้เสนอให้ทั้ง 2 คนไปศึกษาดูงานที่ต่างประเทศเป็นเวลา 2 ปี แต่จะได้รับเงินเดือนเพียงครึ่งเดียวและไม่มีค่าคอมมิชชั่นให้ นายดำได้ตอบปฏิเสธไป เนื่องจากมีความคิดว่าเงินเดือนที่ได้น้อยเกินไป แล้วยังต้องไปใช้ชีวิตลำบากอยู่ที่ต่างประเทศคนเดียว ส่วนนายแดงได้ตอบตกลงกับทางบริษัท เพราะว่าเขามีความคิดว่า แค่ได้ไปหาประสบการณ์ดีๆจากที่นั้นก็คุ้มแล้ว และยังได้เงินเดือนอีกตั้งครึ่งหนึ่งด้วย
เมื่อเวลาผ่านไป 2 ปี นายดำก็ยังคงทำงานตำแหน่งเดิม เงินเดือนขยับขึ้นแค่นิดหน่อย แต่กลับกันนายแดงที่กลับมาจากศึกษางานต่างประเทศ ได้มาเป็นหัวหน้าคนใหม่ของบริษัท มีรายได้หลักแสนต่อเดือน ซึ่งมากกว่านายดำหลายเ ท่ า
เรื่องนี้ไม่ได้บอกว่านายดำ หรือนายแดงตัดสินใจถูก ผิดอย่างใด แต่ทั้งคู่เพียงแค่เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตนเองในมุมมองที่แตกต่างกัน เมื่อเวลาผ่านไปทุกสิ่งจะเป็นข้อพิสูจน์ให้เองว่า การตัดสินใจของเราในครั้งนั้นจะพาเราก้าวไปข้างหน้าได้มากแค่ไหน
2 คนที่ทำงานร่วมกับผู้อื่นไม่เป็น
มีบริษัทแห่งหนึ่งกำลังเปิดรับสมัครพนักงาน ซึ่งมีผู้มาสมัครอยู่ 6 คน โดยก่อนจะรับเข้าทำงาน ทางบริษัทได้ให้เงินไป 75 บาท เพื่อให้ทั้ง 6 คนนั้นแบ่งเงินกันไปซื้ อข้าวตามงบที่ให้ไป เมื่อทั้ง 6 คนมาถึงร้านอาหารก็เห็นว่าข้าวจานหนึ่งขั้นต่ำก็ 15 บาทแล้ว เงินที่ให้มาไม่พอซื้ อ ข้าวสำหรับ 6 คนแน่นอนโดยเหตุนั้นทั้ง 6 คนจึงได้ตัดสินใจกลับมาที่บริษัทมือเปล่า เมื่อประธานบริษัทที่รออยู่เห็นดังนั้น เขาจึงส่ายหัวแล้วบอกว่า
“ขอโทษด้วย ผมรับพวกคุณทำงานที่นี่ไม่ได้จริงๆพวกคุณคงไม่เหมาะกับบริษัทนี้” ซึ่งเหตุผลก็มาจากว่าร้านอ าห า รนั้นมีโ ป รโ มชั่ นซื้ อ 5 แถม 1 แต่ผู้สมัครทั้ง 6 คนไม่สังเกตเห็นเลยแม้แต่น้อย นั้นแสดงถึงความไม่ละเอียด และไม่ใส่ใจ แล้วก็ถึงแม้ว่าทางร้านอ าห า รจะไม่มีโ ป รโ มชั่ น แต่ทั้ง 6 คนก็ยังสามารถซื้ อ ข้าวมา 5 จานแล้วมาแบ่งใส่จานเพิ่มอีก 1 ก็ได้ แต่ทั้ง 6 คนเลือกที่จะไม่ทำ ไม่แบ่งปันกัน แล้วอย่างนี้จะทำงานด้วยกันเป็นทีมได้อย่างไร ในเมื่อทุกคนยังนึกถึงแค่ตนเอง
3 คนที่ทำงานแบบเดิมซ้ำๆวนลูปทุกวัน
มีหลายคนที่ไม่ชอบเรื่องการปรับเปลี่ยน หรือการปรับตัวทำอะไรใหม่ๆมักจะทำงานในแบบเดิมๆเพราะคิดว่ามันง่าย แล้วก็ทำมาทุกวันจนชิน ไม่ต้องคิดทำอะไรใหม่ๆให้ปวดหัว เน้นทำงานแบบจับวาง ไม่ต้องคิดวิเคราะห์ หรือตัดสินใจอะไรมากมาย มันก็เหมือนการทำงานแบบหุ่นยนต์ วนลูปไปเรื่อยๆซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกที่วันหนึ่งหุ่นยนต์จะมาแทนที่ เพราะหุ่นยนต์ไม่เคยหยุดทำงาน ไม่เคยอู้ ไม่ต้องพักกินข้าว ไม่ขอเ งิ นเดือนเพิ่ม หรือแม้แต่เรื่องอื่นๆแบบนี้ทางบริษัทจะเลือกใช้หุ่นยนต์ทำงานแทนไม่ดีกว่าหรอ
4 คนที่ไม่หาความรู้เพิ่มเติมให้กับตนเอง
มีพนักงานคนหนึ่งทำงานในโกดังสิ นค้ า หน้าที่ของเขาทุกวันคือเช็คจำนวนสิ นค้ าในโกดัง ซึ่งเป็นงานง่ายๆที่ไม่ต้องใช้ความสามารถอะไรมาก ในปีแรกที่เขาทำงานมีสิ น ค้ าถูกส่งเข้ามาที่โกดังจำนวนมากและภายหลังที่เขาเลิกงานแต่ละวัน เขาจะใช้เวลาที่เหลือไปกับการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ น ค้ า ว่าสินค้ าชิ้นไหนกำลังเป็นที่ต้องการของตลาด เนื่องจากว่าเขาทำงานในแวด ว งนี้ทำให้เขาทราบดีว่า
แหล่งผลิตไหนที่ให้ต้นทุนถู ก คุณภ าพดี เขาจึงตัดสินใจเริ่มสั่งของมาข า ยในออนไลน์ และยังคงทำงานในโกดังควบคู่ไปด้วย เมื่อเวลาผ่านไป 3 ปี ธุรกิจข า ยของออนไลน์ของเขาเติบโตอย่างรวดเร็ว จนเปิดเป็นกิจการของตนเองได้ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงไม่ควรหยุดหาความรู้ให้กับตนเอง ใน 1 วัน ต้องทำงาน 8 ชั่วโมง แต่เวลาที่เหลือหลังจากนั้น เขาไม่เคยหยุดที่จะเรียนรู้ นี่เป็นข้อแตกต่างที่ทำให้เขาเติบโตกว่าคนอื่น
5 คนที่ไม่รู้จักวิธีการลงทุนในตัวเอง
เรามักจะถูกสอนให้ประหยัดอดออม แต่ไม่ค่อยถูกสอนให้รู้จักหาเงิน จะสร้างรายได้ยังไงให้เพิ่มมากขึ้น บางคนใช้เวลา 1 ปีเพื่อมีเงินเก็บ 1 แสน แต่เราต้องใช้เวลาถึง 10 ปี เพื่อจะมีเงินเก็บ 1 ล้าน แบบนั้นยังไม่เรียกว่าคุณหาเงินเก่งหรอกนะ เพราะคุณต้องใช้เวลานานถึง 10 ปีกว่าจะมีเงินก้อนสัก 1 ล้าน ซึ่งบางคนเขาใช้เวลาเพียงแค่ปีเดียว เขาก็มีเงินเก็บเป็นล้านแล้ว
หลักสำคัญที่จะนำเราไปสู่ความมั่นคงไม่ใช่การอดออม แต่เป็นการลงทุนกับตนเองให้ถูกทาง เพราะคุณจะได้กลับคืนมาอีกหลายเท่า บางคนจ่ายเงินเพื่อไปฟิตเนสออกกำลังกาย จนมีไอเดียในการนำกลับมาทำธุรกิจของตนเอง อาทิเช่น เปิดยิมเป็นของตัวเอง ข า ยอ าห ารเสริมสำหรับคนรักสุ ขภ าพ แล้วก็เรามักจะได้ลูกค้ามาจากฟิตเนสที่เราไปออกกำลังกายด้วย
บางคนจ่ายเงินเพื่อออกท่องเที่ยวทั่วโลก ได้เห็นโลกที่กว้างขึ้น จนเกิดเป็นไอเดียในการทำธุรกิจใหม่ๆที่ยังไม่มีในประเทศตัวเอง แล้วนำกลับต่อยอดในบ้านตนเองจนร่ำร วย
เวลา มันจะช่วยบอกเองว่า สิ่งที่คุณลงทุนไปมันได้อะไรกลับมาบ้ าง มีคุณค่ าอะไรเพิ่มขึ้นหรือไม่ แล้วมันช่วยทำให้คุณหาเงินได้มากขึ้นไหม หากคุณลงทุนถูกที่ ถูกเวลาจนประสบความสำเร็จ คุณก็จะเป็นคนร่ำร วย แต่หากคุณทำมันไม่สำเร็จ คุณก็ยังได้ประสบการณ์ดีๆจากมัน ที่ไม่ว่าใครก็หาซื้ อ มาไม่ได้
ขอขอบคุณที่มา kiadtikun.com