เหมือนได้ห้องน้ำใหม่ วิธีล้างคราบดำร่องย าแนว ให้กลับมาขาว สะอาดดังเดิม

เหมือนได้ห้องน้ำใหม่ วิธีล้างคราบดำร่องย าแนว ให้กลับมาขาว สะอาดดังเดิม

สมัยนี้ว่ากันว่า ห้องน้ำนี้เป็นหน้าตาของบ้านเลย ว่ากันว่า แขกที่มาบ้านเรา ถ้าเข้าห้องน้ำ เห็นห้องน้ำสภาพเป็นเช่นไร เขาจะประเมินเราตามสภาพห้องน้ำเลย ถ้าห้องน้ำเราเหลืองสกปรก เขาย่อมมองเราว่า สกปรก ขาดการใส่ใจ ภาบนอกหน้าตาดูดีแต่ห้องน้ำสกปรกเหลือเกินจะทน แต่บางคนแต่งตัวธรรมดา แต่พอขอเข้าห้องน้ำบ้านเขา กลับพบว่า สะอาดสะอาดพื้นกระเบื้องไม่มีคราบดำ ราดำ ห้องน้ำสะอาดน่าใช้ เขาย่อมมองเราว่า เป็นคนสะอาด ใส่ใจ น่าคบหา ไม่ได้สกปรกซกมก วันนี้เราเลยมีเคล็ดลับดีๆในการทำความสะอาดห้องน้ำมาฝากเพื่อนๆกัน ซึ่งพลังขจัดคราบมาก และเราสามารถหาวัตถุดิบเหล่านี้ได้จากในครัวของเรานี่เอง

1. สูตรพลังน้ำส้มสายชู

วิธีนี้ประหยัดงบประมาณด้วยวัตถุดิบที่มีในบ้านอยู่แล้ว เป็นใช้สูตรน้ำส้มสายชูและก็เกลือ อัตราส่วนเท่าๆกันเอามาผสมกันไปเรื่อยๆจนกว่าจะเข้ากัน แล้วก็ค่อยนำไปราดพื้นที่มีคราบเปื้อนตะไคร้ให้ทั่วแล้วถูด้วยแปรงเนื้อแข็งให้คราบออกจนกระทั่งหมด หลังจากนั้นล้างด้วยน้ำที่สะอาดอีกที เช็ดให้แห้งเพียงเท่านี้ก็เรียบร้อย ซึ่งแนวทางนี้จะก่อให้ตะไคร้เกิดขึ้นช้า และก็ทำให้ไม่เกิดกลิ่นไม่พึงปรารถนาอีกด้วย แต่ว่าอย่างที่รู้กันว่าน้ำส้มสายชูมีฤทธิ์เป็ดกรด ซึ่งมีอำนาจในการกัดเซาะสูง ร่องยาแนวแล้วก็กระเบื้องบางจำพวกมีคุณลักษณะที่ไวต่อกรด และก็ดูดซับของเหลวง่าย ก็เลยไม่แนะนำสำหรับบ้านหลังไหนที่ปูพื้นด้วยหินอ่อน หรือกระเบื้องที่เซนสิทีฟ แต่ว่าสูตรนี้เหมาะสมกับห้องอาบน้ำที่มีความชื้นสูงเกือบจะตลอดเวลา ซึ่งมักเกิดคราบง่าย ตัวอย่างเช่น คราบไคลสบู่ คราบเปื้อนราดำ คราบเปื้อนตะไคร่ฯ บอกเลยว่าเอาอยู่

2. เบกกิ้งโซดาสารพัดประโยชน์

เบกกิ้งโซดาครึ่งถ้วยตวง น้ำส้มสายชู 1 ถ้วยตวง รวมทั้งน้ำยาที่เอาไว้ล้างจาน 2 ช้อนโต๊ะ นำทุกสิ่งผสมรวมกัน นำไปหยอดร่องยาแนวที่คราบดำทิ้งเอาไว้ 2 – 3 นาที แล้วก็ใช้แปรงสีฟันอันเก่าที่ไม่ได้ใช้งานแล้วๆขัดเบาๆรอยเปื้อนจะหลุดออกอย่างง่ายดาย แล้วขัดพื้นเหมือนเคย ถ้าเกิดเป็นคราบฝังแน่น บางทีอาจจำเป็นต้องใช้พลังในการขัดมากมายหน่อย แม้กระนั้นรับรองความปลอดภัยจากสารเคมี

เทคนิคง่ายๆขจัดปัญหาส้วมตัน ชักโครกกดไม่ลง ด้วยตัวเอง

น้ำยาซักผ้าขาว หรือไฮเตอร์

น้ำยาซักผ้าขาว หรือไฮเตอร์ มีคุณประโยชน์คล้ายกับน้ำยาสำหรับล้างจานเป็นช่วยสำหรับเพื่อการชำระล้างรวมทั้งจัดการกับรอยคราบสกปรก โดยการทำการเทน้ำยาซักผ้าขาวลงไปในชักโครกราว 1 – 2 ฝา แล้วก็ปล่อยทิ้งเอาไว้ครู่หนึ่ง แล้วราดน้ำอุณหภูมิปกติลงไป จะช่วยจัดการสิ่งสกปรก และก็สิ่งของต่างๆได้ ซึ่งควรระมัดระวังถึงจำนวนของน้ำยาซักผ้าขาว ด้วยเหตุว่าถ้าหากว่าเทมากเกินไป อาจจะเป็นผลให้ชักโครก แล้วก็สุขามีกลิ่นน้ำยาซักผ้าขาวแรง แล้วก็บางทีอาจมีการระคายเคืองกับจมูกของคุณได้

น้ำยาที่เอาไว้ล้างจาน

ไอเทมสามัญประจำบ้านก็สามารถประยุกต์ใช้ขจัดปัญหาได้เช่นเดียวกัน ด้วยน้ำยาที่เอาไว้ล้างจานโดยมากจะมีส่วนผสมของมะนาว แล้วก็มะกรูดที่ช่วยสำหรับเพื่อการชำระล้าง แล้วก็ฆ่าเชื้อโรคได้ดิบได้ดี ด้วยเหตุนี้ เมื่อเอามาชำระล้างชักโครก โดยการเทน้ำยาสำหรับล้างจานลงบนตัวชักโครก รวมทั้งปล่อยทิ้งเอาไว้ตรงเวลาราว 15 – 20 นาที หลังจากนั้นก็เลยเทน้ำร้อน แล้วก็ค่อยกดชักโครก จะมีผลให้สิ่งสกปรกที่เกาะอยู่ หรือตัน หลุดออกไปได้ แม้กระนั้นควรระมัดระวังไม่กระทำการเทน้ำยาสำหรับล้างจานมากเกินไป เพราะว่าอาจส่งผลให้ผิวชักโครกลื่น แล้วก็เกิดคราบน้ำยา รวมทั้งการเทน้ำร้อนด้วย เพราะถ้าเกิดเทน้ำร้อนเยอะเกินไป อาจจะทำให้ชักโครกเกิดรอยร้าว หรือแตกได้

เบกกิ้งโซดาหรือน้ำส้มสายชู

การแก้ปัญหาส้วมตัน รวมทั้งกดชักโครกไม่ลง ด้วยเบกกิ้งโซดา หรือน้ำส้มสายชูบางทีอาจเป็นกรรมวิธีที่รู้จักดีกันดีอยู่แล้ว เนื่องจากว่าอีกทั้ง 2 สิ่งนี้จะสามารถช่วยในการขจัดคราบฝังแน่นที่เกาะชักโครก และก็ทำให้สิ่งสกปรกหลุดออกมา แต่ว่าผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยบางทีอาจยังไม่เคยทราบถึงวิธีการใช้ แล้วก็จำนวนที่เหมาะสม ซึ่งเคล็ดลับดังที่กล่าวผ่านมาแล้วคือ ให้เทเบกกิ้งโซดาก่อน จากนั้นและก็ตามด้วยน้ำส้มสายชู โดยประมาณครึ่งถ้วยตวง หรือ 8 ช้อนโต๊ะ แล้วหลังจากนั้นคอยโดยประมาณ 30 นาที และหลังจากนั้นก็ค่อยราดน้ำร้อนพอเหมาะ เพียงเท่านี้ก็สามารถกลับมาใช้ชักโครกได้ตามปกติแล้ว นอกจากนี้ยังต้องระวังในตอนที่กำลังใช้เบกกิ้งโซดา หรือน้ำส้มสายชูด้วย โดยระวังไม่ให้สัมผัสถูกผิวหนัง หรือร่างกายส่วนต่างๆ เพราะอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองได้

ห้องน้ำสะอาดไม่ใช่เพื่อว่า กลัวแขก กลัวใครจะมาเที่ยวบ้านเที่ยวห้อง แต่มันหมายถึงสุขอนามัยที่ดีของตัวเราด้วย เราก็ได้ใช้ห้องน้ำสะอาดๆน่าใช้ไปด้วย หรือจะทนอยู่กับห้องน้ำที่พื้นห้องน้ำที่เต็มไปด้วยคราบดำตามร่องกระเบื้อง ราขึ้นเต็มพื้น สะสมเชื้อโรคและสิ่งสกปรกต่างๆนาๆ และย่อมส่งผลเสียต่อสุขภาพเราในอนาคตเป็นแน่ๆ จนแม้แต่ตัวเราเอง ยังไม่อยากเข้าห้องน้ำบ้านตัวเอง