ในความเป็นจริง “คู่ชีวิตไม่จำเป็นต้องดีที่สุด” แต่ขอ “คู่ชีวิตที่เข้าอกเข้าใจกัน” ก็พอ

“แม้นมี…วาสนา”

…ขอแค่บ้านแสนสงบสุข…

ไม่หวังอัครสถานหลังโตมั่นคง

หากแต่แข็งแรงอบอุ่นด้วยความรักใคร่กลมเกลียว…

ไม่หวังบ้านสวยงามเลิศหรู

หากแต่งามหมดจรดด้วยจิตใจของครอบครัวที่ปรารถนาดีต่อกัน

ไม่หวังพร้อมสรรพสิ่งแวดล้อมแห่งสวนสวรรค์

หากแต่เป็นสังคมเอื้อเฟื้อ รายล้อมด้วยเพื่อนบ้านเป็นมิตร

…ขอแค่มีคู่ชีวิตที่เข้าใจกัน…

ไม่หวังว่าต้องดีที่สุด

หากแต่ดีสมกัน ศีลเสมอกัน

ไม่หวังว่าสวย-หล่อลากดิน

หากแต่เดินไปด้วยกันแล้วส่งเสริม

ไม่หวังเป็นช้างเท้าหน้า-เท้าหลัง

หากแต่เดินเคียงกันไปในทุกวันดี-ร้ายด้วยรอยยิ้ม

…ขอแค่มีงานที่รักเป็นเสาหลักรายได้…

ไม่หวังงานที่มีหน้ามีตาอวดใครๆ

หากแต่เป็นงานที่ทำแล้วมีความสุข นายดี เพื่อนดี ลูกน้องดี

ไม่หวังรายได้มหาศาล

หากแต่สมความสามารถติดตัว เลี้ยงดูครอบครัวได้…

สำคัญคือไม่มีหนี้สินจากสินทรัพย์เสื่อมราคา

เพื่อรักษาหน้าตาในสังคม

…ขอแค่บั้นปลายแห่งชีวิตที่สุขภาพดี…

ไม่หวังปั้นปลายประสบความสำเร็จเป็นตำนาน

หากแต่มีสุขภาพที่ดีตามวัย

ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บทรมานตัวเองและคนรอบข้าง

ไม่หวังลูกหลานคลานหมอบรอรับมรดกสมบัติเอาหน้า

หากแต่ลูกหลานรักรู้คุณ

น้อมรับมรดกแห่ง “วาสนา” ต่อไปเป็นมรดกล้ำค่า

…ขอแค่ลูกเป็นคนดีของสังคม…

ไม่หวังยัดเยียดให้ลูกเป็นที่หนึ่งในทุกด้าน

หากแต่มีปัญญาเอาตัวรอดเลี้ยงดูตัวเองได้

ไม่หวังให้ลูกโดดเด่นนำสมัย

หากแต่อ่อนน้อมถ่อมตน รู้กาลเทศะ

มีมารยาท จนใครๆที่ได้รู้จักเมตตาเอ็นดู

และสำคัญ คือ มีปัญญาแยกแยะชั่ว-ดี…

อย่าให้ใครด่ามาถึงพ่อแม่ว่า ‘ไม่สั่งสอน’

…สุดท้ายหากยังเหลือ ‘วาสนา’…

ไม่หวังงานศพแห่งเกียรติยศ

หากแต่ลมหายใจสุดท้ายที่สงบ

พร้อมหน้าลูกหลานร่ำลา

…ตั้งจิตอธิษฐานจะทำให้ได้ดั่งหวัง

ด้วยขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นองค์พยานในมุ่งมั่น

…มิใช่ดลบันดาล…

ตั้งใจกราบพระผู้ปฏิบัติดี เพื่อชี้แนะเข็มทิศทางไปสู่ “วาสนา”

…มิหวังปาฏิหาริย์แห่งคุณวิเศษคุณพระ…

บทสรุปแห่ง…มี หรือ ไม่มี “วาสนา” นั้นไซร้

เราทุกคนล้วน…เลือกได้เองอย่างแท้จริง

ขอขอบคุณที่มาจาก : มดงาน บ้านรอยยิ้ม
ขอขอบคุณที่มาจาก : http://www.rak-sukapap.com/2019/01/blog-post_40.html