กินชะอมบ่อยๆ ควรรู้ไว้ มันส่ง ผ ล ต่อ ร่ า ง ก า ย ม ห า ศ า ล
ของดีริมรั้วที่แม่ชอบนำมาทำอาหารหลากหลายเมนูทั้ง ชะอมผัดใส่ไข่ ไข่ทอดชะอม แกงชะอมใส่เห็ดนางฟ้า ทำเอาหลายคนติดใจในรสชาติความอร่อยตั้งแต่เด็ก แต่ก็มีน้อยคนะรู้ว่าแท้จริงแล้ว นอกจากจะอร่อยแล้ว ชะอมยังเป็นยาดี มีประโยชน์ต่อร่างกายมหาศาล
สรรพคุณและประโยชน์ของชะอม
1. ชะอมอุดมด้วยวิตามินเอ หากจะตามหาผักที่มีวิตามินเอสูงต้องห้ามมองข้ามชะอมเลยนะ เพราะอุดมด้วยวิตามินเอที่จะช่วยให้เราต่อสู้กับอนุมูลอิสระทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายในได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังช่วยบำรุงสายตาด้วย
2. ยอดอ่อนของชะอมมีสรรพคุณช่วยลดความร้อนในร่างกาย ซึ่งเป็นส่วนที่เรามักนำมาทำอาหารกินกันมากที่สุด
3. ชะอมมีเส้นใยอาหารที่มีประโยชน์ต่อระบบขับถ่าย ทำให้การขับถ่ายเป็นปกติ แก้อาการท้องผูก
4. ประโยชน์ของชะอมช่วยขับลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ บรรเทาอาการปวดท้องหรือปวดเสียวในท้องได้ดี แก้อาการท้องอืดและท้องเฟ้อ
5. ชะอมช่วยบำรุงเส้นเอ็น อีกหนึ่งสรรพคุณที่โดดเด่นของชะอมคือ ช่วยบำรุงและรักษาเส้นเอ็นให้แข็งแรง ไม่เสื่อมเร็วกว่าที่ควร
6. ชะอมมีแคลเซียมสูง ซึ่งมีความสำคัญต่อกระดูกและฟัน โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยทองที่มีความเสี่ยงจะเกิดภาวะกระดูกพรุนได้ง่าย ถ้าอยากให้กระดูกและฟันแข็งแรงก็ต้องกินชะอมเป็นประจำ
7. ชะอมมีคุณสมบัติช่วยรักษาอาการลิ้นอักเสบและเป็นผื่นแดง
8. ในชะอมมีฟอสฟอรัส ที่ทำหน้าที่ช่วยเสริมให้วิตามินบีต่างๆ ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
9. ชะอมมีธาตุเหล็ก ที่มีส่วนสำคัญในการช่วยบำรุงเลือด ทำให้การไหลเวียนของเลือดเป็นไปอย่างปกติ
10. ชะอมช่วยเสริมสร้างระบบของภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรง ทำให้กำจัดเชื้อโรคต่างๆ ได้ดีขึ้น ไม่เจ็บป่วยง่าย เพราะฤทธิ์ของวิตามินซีที่มีอยู่มากในชะอมนั่นเอง
11. ประโยชน์ของชะอมช่วยต่อต้านการเกิดโรคมะเร็ง และลดโอกาสที่จะเกิดโรคหัวใจได้ด้วย เนื่องจากในชะอมมีสารสำคัญที่ชื่อว่า เบต้าแคโรทีน
12. สารเบต้าแคโรทีนในชะอมยังช่วยบำรุงผิวพรรณให้ผ่องใส แลดูอ่อนเยาว์ และป้องกันความแก่ก่อนวัย
13. ชะอมมีสรรพคุณช่วยบำรุงเส้นผม ที่แห้งแตกปลาย ไม่มีน้ำหนัก ให้กลับมานุ่มสลวยได้
14. รากชะอมมีสรรพคุณแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อได้ อีกทั้งการกินชะอมยังช่วยในการขับลมในกระเพาะและลำไส้ได้อีกด้วย
โอ้โหกินมาตั้งนานก็เพิ่งจะรู้วันนี้แหละ ว่าประโยชน์ของ “ชะอม” มากมายเหลือเกิน
ขอบคุณข้อมูลจาก siamnews
ภาพและเนื้อหาจาก : http://www.healthy108toyou.com/2018/11/blog-post_366.html